ซ่อมตู้เย็นถึงบ้าน - ซ่อมตู้เย็นนอกสถานที่ ให้บริการทั่วกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล

รับซ่อมตู้เย็น ตู้แช่แข็ง ตู้แช่เครื่องดื่ม ให้บริการแล้ววันนี้ใกล้บ้านคุณ ช่างเข้าหน้างานเร็ว ตรงต่อเวลา โดยช่างที่มีประสบการณ์เฉพาะด้าน ที่เดียวครบจบจัดการได้ทุกปัญหา
จองคิวฟรี ไม่มีมัดจำ ไม่มีค่าเดินทาง พร้อมให้บริการแก้ไขปัญหาตู้เย็นไม่มีความเย็น มีน้ำแข็งเกาะ เย็นแต่ไม่ฉ่ำ ช่องฟรีสรั่วไม่แข็ง ตู้เย็นไม่มีเสียงทำงานแต่มีไฟเข้า มีน้ำซึมออกมาจากตู้เย็น ตู้เย็นเสียงดัง และปัญหาอื่นๆ สอบถามอาการ ประเมินราคาก่อนการซ่อม
บริการโดยทีมช่างคุณภาพ มาตรฐานงานซ่อมบำรุง ดำเนินการโดยทีมงานที่มีประสบการณ์เฉพาะด้าน ทีมงานอย่างมืออาชีพ รักษาความสะอาด เก็บกวาดเรียบร้อย แก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด 

รายการทั้งหมด

รีวิวลูกค้าจริง

ขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่รีวิวให้ ทางเราจะพัฒนาการให้บริการดียิ่งขึ้นค่ะ

ข่าวสาร

ชวนรู้!! ตู้เย็นแต่ละช่องควรแช...
  • 27 มิ.ย. 2567

ชื่อเหลือเกินว่าสิ่งที่ทุกบ้านต้องมีคือ "ตู้เย็น" ไม่ว่าจะเป็นแบบที่มีประตูเดียว 2 ตู้เย็น...

7 สัญญาณเตือน ตู้เย็น กำลังจะพ...
  • 27 มิ.ย. 2567

ปัญหาตู้เย็นหลายอย่างสามารถแก้ไขได้ด้วยการเรียกบริษัทซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือตัวแทนของแบรนด์ตู้เย็นเ...

หมอเล่าเอง แม่เป็นมะเร็งตับอ่อ...
  • 27 มิ.ย. 2567

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพิษวิทยา เล่าประสบการณ์ตรง แม่เป็นมะเร็งตับอ่อน จากนิสัยใช้ "ตู้เย็น"...

ติดต่อเรา

ส่งข้อความหาเรา

ลูกค้าสามารถพิมพ์ข้อความที่ต้องการสอบถามได้จากฟอร์มด้านล่าง เมื่อทีมงานได้รับข้อความแล้ว จะติดต่อกลับลูกค้าโดยเร็วที่สุด

View Map

รับซ่อมตู้เย็น

บริการรับซ่อมตู้เย็นนอกสถานที่ ลูกค้าไม่ต้องยกตู้เย็นมาหาเรา เราพร้อมให้บริการซ่อมด่วนถึงบ้านลูกค้า หากเกิดปัญหาตู้เย็นไม่เย็น ตู้เย็นเสีย ช่องฟรีสรั่ว มีเสียงดัง ไม่มีเสียงแต่ไฟเข้าปกติ มีน้ำแข็งเกาะข้างตู้ ตู้เย็นเย็นน้อยกว่าปกติ ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ ให้บริการในพื้นที่ทั่วกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล

รับซ่อมตู้แช่เครื่องดื่ม

อุณหภูมิไม่ได้ตามที่ตั้งไว้ ตู้ไม่เย็น คอมเพรสเซอร์มีเสียดังผิดปกติ คอมเพรสเซอร์ไม่ทำงาน หน้าจอแสดงอุณหภูมิกระพริบ ไฟฟ้ารั่ว รอบตู้ ไฟดูด ท่อน้ำยารั่ว มอเตอร์พัดลมไม่หมุน ให้บริการในพื้นที่ทั่วกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล

รับซ่อมตู้แช่ไวน์

อุณหภูมิไม่ได้ตามที่ตั้งไว้ ตู้ไม่เย็น คอมเพรสเซอร์มีเสียดังผิดปกติ คอมเพรสเซอร์ไม่ทำงาน หน้าจอแสดงอุณหภูมิกระพริบ ไฟฟ้ารั่ว รอบตู้ ไฟดูด ท่อน้ำยารั่ว มอเตอร์พัดลมไม่หมุน ให้บริการในพื้นที่ทั่วกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล

รับซ่อมตู้แช่แข็ง

อุณหภูมิไม่ได้ตามที่ตั้งไว้ ตู้ไม่เย็น คอมเพรสเซอร์มีเสียดังผิดปกติ คอมเพรสเซอร์ไม่ทำงาน หน้าจอแสดงอุณหภูมิกระพริบ ไฟฟ้ารั่ว รอบตู้ ไฟดูด ท่อน้ำยารั่ว มอเตอร์พัดลมไม่หมุน ให้บริการในพื้นที่ทั่วกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล

ชวนรู้!! ตู้เย็นแต่ละช่องควรแช่อะไร? ตู้เย็นแต่ละชั้นเก็บอะไรได้บ้าง วิธีเก็บอาหารในตู้เย็นให้เหมาะสม

ชื่อเหลือเกินว่าสิ่งที่ทุกบ้านต้องมีคือ "ตู้เย็น" ไม่ว่าจะเป็นแบบที่มีประตูเดียว 2 ตู้เย็น 2 ประตู ตู้เย็นแบบมีช่องฟรีซหรือไม่มีช่องฟรีซ เพราะเมืองไทยของเรานั้นอากาศช่างร้อนอบอ้าว การเก็บอาหารและเครื่องดื่มเอาไว้ในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิต่ำๆ จะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและช่วยยืดอายุของอาหารให้อยู่ได้นานขึ้น แต่เพื่อนๆ เคยสงสัยกันไหมคะว่าตู้เย็นชั้นไหนควรแช่อะไรกันแน่?เก็บของในตู้เย็นแบบไหนจึงจะเหมาะสมและปลอดภัยต่อสุขภาพของเรามากที่สุด ว่าแล้วก็มาดูคำตอบไปด้วยกันเลยค่ะ
 
1.ช่องแช่แข็ง
ช่องนี้จะเป็นส่วนที่เย็นที่สุดของตู้เย็น โดยมีอุณหภูมิที่ประมาณ -18 องศาเซลเซียส เป็นช่องสำหรับการแช่แข็งอาหารเพื่อเก็บเอาไว้ได้นานที่สุด เช่น เนื้อสัตว์ เนื้อปลา แกง น้ำซุป น้ำสต็อก ขนมปัง(ช่วยยืดอายุให้ขนมปังอยู่ได้นานเป็นเดือน) อาหารสำเร็จรูปที่ต้องแช่แข็งก่อนจะนำมาวางให้ละลายแล้วค่อยนำเข้าไมโครเวฟ อย่างที่บ้านเราจะแช่เนื้อสัตว์ต่างๆ ไว้ในช่องแช่แข็ง โดยจะล้างทำความสะอาด จากนั้นผึ่งจนแห้งแล้วแพ็กใส่ถุงแยกเป็นสำหรับการใช้ 1 ครั้ง โดยแยกเนื้อสัตว์แต่ละชนิดไว้อย่างละกล่องหรือสามารถใช้ปากกาเขียนที่หน้าถุงว่าด้านในคืออะไร ยิ่งถ้าระบุวันที่ลงไปด้วยจะยิ่งทำให้เรารู้ได้ว่าควรใช้เนื้อถุงไหนก่อนหลัง
 
2.ช่องรองจากช่องแช่แข็ง
หรือที่เราเรียกกันว่าช่องลิ้นชักด้านบน ช่องนี้จะมีความเย็นรองลงมาจากชั้นแช่แข็ง มีอุณหภูมิประมาณ 0-6 องศาเซลเซียส ช่องนี้จะเหมาะกับของอาหารพร้อมทานต่างๆ ที่ต้องเก็บในความเย็นแต่ไม่ต้องถึงกับว่าต้องเอาไปแช่แข็ง อย่างที่บ้านเราเก็บจะเป็นไส้กรอก แหนม เต้าหู้ เต้าหู้ไข่ แฮม เบคอน เนยก้อน อาหารสำเร็จรูป(ชนิดไม่แช่ช่องแข็ง) และนอกไปจากนี้ยังเป็นชั้นที่เราสามารถนำอาหารจากช่องแช่แข็งลงมาเพื่อละลายน้ำแข็งก่อนการใช้ปรุงอาหารได้อีกด้วย อย่างเราจะนำถุงเนื้อสัตว์ลงมาไว้ในช่องรองช่องแช่แข็ง 1 คืน พอตื่นเช้ามาก็นำมาวางด้านนอกตู้เย็นอีกสักครู่ก็พร้อมปรุง
 
3.ช่องเย็นธรรมดา
ช่องนี้เป็นช่องที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีเพราะเป็นช่องที่เราจะเก็บอาหาร ขนม นม เนยต่างๆ ที่กินไม่หมดเอาไว้ในชั้นนี้ โดยช่องแช่เย็นธรรมดาจะมีอุณหภูมิที่ประมาณ 5-7 องศาเซลเซียส เป็นช่องที่กินขนาดพื้นที่มากที่สุดในตู้เย็น เหมาะสำหรับการแช่อาหารที่เรากินเป็นประจำ เช่น น้ำเปล่า นม น้ำผลไม้ โยเกิร์ต เนย แยม อาหารและกับข้าวต่างๆ (ควรเก็บไว้ในภาชนะที่มิดชิด หากผ่านความร้อนมาก่อนจะต้องรอให้อาหารเหล่านั้นเย็นดีแล้วจึงค่อยนำเข้าไปแช่ในตู้เย็น)
 
4.ประตูตู้เย็น
จะเป็นส่วนที่มีอุณหภูมิสูงสุดในตู้เย็นเพราะเป็นส่วนที่จะถูกเปิดออกอยู่แทบจะตลอดทั้งวัน โดยมีอุณหภูมิที่ประมาณ 10-15 องศาเซลเซียส ด้วยความที่เป็นโซนที่มีอากาศค่อนข้างร้อนจึงเหมาะกับการเก็บอาหารที่ไม่ต้องแช่เย็นมากๆ แต่สามารถอยู่ได้นาน เช่น ซอสหอย ซอสปรุงรส เครื่องปรุงอาหารต่างๆ รวมไปจนถึงไข่สดที่มีแผงสำหรับจัดเก็บเอาไว้โดยเฉพาะ
 
5.ช่องเก็บผักผลไม้
โซนสุดท้ายสำหรับการเก็บของในตู้เย็นคือ ช่องแช่ผักผลไม้ที่อยู่ด้านล่างสุดค่ะ โดยบริเวณนี้มีอุณหภูมิที่ประมาณ 8-10 องศาเซลเซียส เหมาะสำหรับการเก็บผักและผลไม้ โดยในปัจจุบันบริษัทผู้ผลิตตู้เย็นก็ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้เพื่อให้เราสามารถเก็บผักสดและผลไม้เอาไว้ได้นานมากขึ้น คำแนะนำสำหรับการเก็บผัก/ผลไม้ในตู้เย็นคือ ควรทำให้ผักและผลไม้แห้งสนิทก่อนเก็บเข้าตู้เย็น สามารถใส่ถุงพลาสติก ถุงซิปล็อกหรือกล่องทัปเปอร์แวร์เพื่อช่วยคงความสดของผักและผลไม้ไว้ได้ยาวนาน นอกจากนี้ไม่ควรเก็บผักและผลไม้ผสมชนิดกันเพราะจะเป็นการเร่งให้สุกไวขึ้น
 
และนี่ก็เป็นทริกในการเก็บอาหารในตู้เย็นสำหรับแต่ละช่องที่เราอยากนำมาแบ่งปันกัน ทั้งนี้หลังจัดเก็บอาหารต่างๆ เข้าไปแล้วอย่าลืมตรวจเช็กรายการอาหารที่เราแช่เข้าไปว่ามีอะไรบ้าง ควรกินวันไหน หมดอายุเมื่อไหร่เพื่อไม่ให้มีของเสีย ของหมดอายุสะสมอยู่ภายในตู้เย็นจนทำให้ตู้เย็นสกปรก และให้ลืมความคิดที่ว่าอะไรที่อยู่ในตู้เย็นแล้วจะเป็นอมตะ ไม่หมดอายุได้เลยค่ะเพราะถึงจะเก็บในตู้เย็นก็สามารถยืดอายุได้แค่เพียงไม่กี่เดือน ไม่สามารถอยู่ได้นานเป็นปีๆ อย่างแน่นอน
 
อ้างอิงเนื้อหาจาก : https://food.trueid.net/detail/VnZlaxpkO0Gq

7 สัญญาณเตือน ตู้เย็น กำลังจะพัง พร้อมวิธีแก้ปัญหา

ปัญหาตู้เย็นหลายอย่างสามารถแก้ไขได้ด้วยการเรียกบริษัทซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือตัวแทนของแบรนด์ตู้เย็นเหล่านั้น คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อไรควรเรียกมืออาชีพ มีสัญญาณเตือนอะไรบ้างที่บอกว่าตู้เย็นของคุณกำลังจะพัง หรือเสีย และสิ่งเหล่านี้คือสัญญาณบอกว่าตู้เย็นกำลังจะพัง
 
สัญญาณเตือน "ตู้เย็น" กำลังจะพัง
 
1.ตู้เย็นไม่เย็นพอ
หากคุณรู้สึกว่าตู้เย็นของคุณไม่เย็นเมื่อเปิดออก หรืออาหารในช่องแช่แข็งเริ่มละลาย แสดงว่าตู้เย็นของคุณอาจมีปัญหาในการรักษาอุณหภูมิที่เหมาะสม หากไม่รีบแก้ไขอาจทำให้อาหารเสียและทำให้บิลค่าไฟฟ้าสูงขึ้น หากคุณสังเกตเห็นว่าอุณหภูมิในตู้เย็นลดลง ให้รีบติดต่อบริษัทซ่อมตู้เย็น วิธีที่ดีที่สุดในการเก็บอาหารให้เย็นที่สุดและป้องกันการเสียคือการปิดตู้เย็นจนกว่าจะซ่อมเสร็จ
 
2.อาหารของคุณเสียเร็วเกินไป
การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิจะรุนแรงจนรู้สึกได้ทันทีที่เปิดตู้เย็น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีปัญหา แม้กระทั่งการลดลงของอุณหภูมิเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้อาหารเสียเร็วกว่าปกติ ก่อนที่คุณจะทิ้งอาหารเสียไป ตรวจสอบวันหมดอายุ หากคุณสังเกตเห็นว่าคุณกำลังทิ้งอาหารหลายรายการที่ยังไม่เกินวันหมดอายุ ให้พิจารณาส่อมตู้เย็นของคุณ
 
3.มีน้ำเกาะในตู้เย็น
แม้ว่าการมีน้ำเกาะในตู้เย็นเล็กน้อยจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่ไม่ควรมีน้ำเกาะมากเกินไป นอกจากนี้ไม่ควรมีน้ำเกาะบนอาหารของคุณ หากมีแสดงว่าตู้เย็นของคุณอาจไม่เย็นอย่างถูกต้อง สาเหตุอาจเกิดจากปัญหาเกี่ยวกับกลไกของตู้เย็น หรืออาจเป็นเรื่องง่ายๆ อย่างการเปลี่ยนซีลยาง ซีลอาจมีรอยแตกและรั่วตามกาลเวลา ทำให้ความเย็นรั่วออกเมื่อปิดประตู แม้ว่าการเปลี่ยนซีลยางของตู้เย็นอาจดูเหมือนเป็นการซ่อมแซม DIY ที่ง่าย แต่ควรพิจารณาเรียกมืออาชีพ ซีลต้องติดตั้งอย่างถูกต้องเพื่อให้ความเย็นทั้งหมดอยู่ภายใน
 
4.น้ำแข็งเกาะในช่องแช่แข็ง
หากช่องแช่แข็งของคุณมีน้ำแข็งเกาะอยู่ อาจเป็นเพราะตู้เย็นของคุณควบคุมอุณหภูมิได้ไม่ดี ข่าวดีก็คือปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหากระทันหันที่ต้องแก้ไขโดยเร็วที่สุด ใช้เวลา 2-3 วันในการรับประทานอาหารในช่องแช่แข็งของคุณ แล้วจึงค่อยละลายน้ำแข็ง คุณสามารถทำได้โดยปิดตู้เย็นและเปิดประตูช่องแช่แข็งไว้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าปิดประตูตู้เย็นเพื่อป้องกันไม่ให้อาหารของคุณเสีย จากนั้นคุณสามารถละลายน้ำแข็งโดยใช้ไดร์เป่าผมเป่า หรือวางหม้อน้ำเดือดไว้ข้างใน เมื่อน้ำแข็งละลายหมดแล้ว ให้เปิดตู้เย็นของคุณอีกครั้งและสังเกตว่ามีน้ำแข็งเกาะในอีกสองสามวันข้างหน้าหรือไม่ หากคุณสังเกตเห็นว่าน้ำแข็งเริ่มก่อตัวอีกครั้ง ถึงเวลาโทรเรียกช่างซ่อม
 
5.มอเตอร์ร้อน
เป็นเรื่องปกติที่มอเตอร์ของตู้เย็นจะรู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย อย่างไรก็ตามไม่ควรให้รู้สึกถึงความร้อน หากคุณวางมือไว้ด้านหลังตู้เย็นและรู้สึกถึงความร้อนมากเกินไป อย่าลังเลที่จะติดต่อบริษัทซ่อมตู้เย็น แม้ว่าตู้เย็นของคุณจะดูเหมือนว่าจะรักษาอุณหภูมิได้ดี มอเตอร์ที่ร้อนจัดก็เป็นสัญญาณว่ากำลังทำงานหนักเกินไป ซึ่งหมายความว่าอาจใกล้เสียและคุณอาจต้องเสียค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในระหว่างนี้
 
6.ตู้เย็นเสียงดัง
ตู้เย็นของคุณควรมีเสียงพึมพำเบาๆ ตลอดเวลา เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นกว่าระดับที่ตั้งไว้ มอเตอร์และคอมเพรสเซอร์ของตู้เย็นจะทำงานและมีเสียงดังขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตามหากคุณสังเกตเห็นว่าตู้เย็นของคุณเปิดและปิดตลอดเวลา หรือเสียงดังต่อเนื่องจนได้ยิน ตู้เย็นของคุณอาจเสีย มีหลายสาเหตุที่ทำให้ตู้เย็นของคุณมีเสียงดัง ดังนั้น คุณควรให้ช่างมืออาชีพตรวจสอบ
 
7.มีน้ำอยู่บนพื้น
หากคุณสังเกตเห็นว่ามีน้ำอยู่บนพื้นใต้ตู้เย็น หรือมีน้ำแข็งเกาะบนผนังหรือด้านหลังตู้เย็น ให้รีบติดต่อบริษัทซ่อมตู้เย็นทันที ทั้งน้ำแข็งบนผนังและน้ำบนพื้นอาจทำให้เกิดความเสียหายจากน้ำได้ ดังนั้นคุณควรแก้ไขปัญหานี้ทันที การรั่วไหลหลายอย่างไม่รุนแรงพอที่จะทำให้น้ำไหลออกมาบนพื้นด้านหน้าตู้เย็น ทำให้มองไม่เห็น เพื่อป้องกันปัญหานี้ ควรดึงตู้เย็นออกมาทำความสะอาดใต้ตู้เย็นและตรวจสอบรอยรั่วที่อาจเกิดขึ้นอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง
 
อ้างอิงเนื้อหาจาก : https://www.sanook.com/women/244893/

หมอเล่าเอง แม่เป็นมะเร็งตับอ่อน จากนิสัยใช้ ตู้เย็น แบบผิด ๆ 3 ข้อ ที่หลายคนก็ทำ

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพิษวิทยา เล่าประสบการณ์ตรง แม่เป็นมะเร็งตับอ่อน จากนิสัยใช้ "ตู้เย็น" แบบผิด ๆ 3 ข้อ ที่หลายคนก็ทำกัน
 
เว็บไซต์ ETtoday รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ จ้าว หมิงเว่ย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพิษวิทยา ได้เล่าใน 聚焦2.0 รายการโทรทัศน์ของไต้หวัน เล่าประสบการณ์ตรงหลังจากคุณแม่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งตับอ่อน จากนิสัยการใช้ตู้เย็นแบบผิด ๆ มาทั้งชีวิตของเธอ
 
จ้าว หมิงเว่ย กล่าวในรายการว่า แม่ของเขาอายุ 66 ปี หลังจากเกษียณอายุ มักจะมีไข้สูงอย่างอธิบายไม่ได้ 38.5 องศา และน้ำหนักลด ต่อมาเมื่อเธอไปตรวจที่โรงพยาบาลก็พบว่ามีเนื้องอกร้ายในตับอ่อน ประมาณ 1 ซม.
 
เธอเข้ารับการผ่าตัดเพื่อเอาตับอ่อน ถุงน้ำดี และลำไส้เล็กบางส่วนออก โดยไม่คาดคิด โดยไม่คาดคิด 1 ปีครึ่งหลังจากการผ่าตัด เธอก็มีไข้อีกครั้งเมื่อไปหาหมอพบว่ามีเนื้องอกเกิดขึ้นอีก หลังจากได้รับรังสีรักษาและเคมีบำบัด แม่ของเขาก็ถึงแก่กรรมหลังจากมะเร็งกลับมาเป็นซ้ำอีก 14 เดือน
 
จ้าว หมิงเว่ย ชี้ให้เห็นว่าแม่ของเขามีพฤติกรรมการใช้ตู้เย็นที่อันตราย และทำให้เกิดสารก่อมะเร็งมากที่สุด 3 ประการ
 
ประการที่ 1 คือ หลายคนคิดว่า "ตราบใดที่ใส่ของไว้ในตู้เย็น ก็สามารถรักษาความสดไว้ได้เสมอ" แต่จริง ๆ แล้ว ทำได้เพียงชะลอการเน่าเสียเท่านั้น
 
ประการที่ 2 คือ "อย่าทิ้งสิ่งของ ถึงแม้จะขึ้นราก็ตาม"
 
ประการที่ 3 คือ "ไม่ปิดภาชนะใส่อาหาร" จริง ๆ แล้วตู้เย็นเป็นสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูงซึ่งสามารถเพาะเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราได้ง่าย หากวางอาหารในตู้เย็นโดยไม่ปิดบัง ปิดผนึก หรือแพ็กสูญญากาศจะทำให้อาหารเสื่อมคุณภาพ
 
นอกจากนี้ จ้าว หมิงเว่ย ยังเตือนอีกว่าควรเลือกภาชนะในครัวอย่างระมัดระวัง และอย่าซื้อหม้อและกระทะจากแหล่งที่ไม่รู้จัก เพื่อหลีกเลี่ยงสารพิษ พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนงดใช้ภาชนะที่ไม่มีใบรับรองความปลอดภัย ไม่ว่าจะใช้ประกอบอาหารหรือบรรจุอาหารก็ตาม
 
อ้างอิงเนื้อหาจาก : https://www.sanook.com/news/9456402/?utm_source=TaboolaExploreMore